countenance ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า countenance ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ countenance ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า countenance ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง หน้า, สีหน้า, หน้าตา หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า countenance

หน้า

noun

His countenance improved noticeably, and his family became united.
หน้า ตา ของ เขา ดู ดี ขึ้น อย่าง เห็น ได้ ชัด และ ครอบครัว เขา ก็ เริ่ม เป็น น้ํา หนึ่ง ใจ เดียว กัน.

สีหน้า

noun

Have ye received his image in your countenances?
ท่านได้รับรูปลักษณ์ของพระองค์ไว้ในสีหน้าท่านแล้วหรือ?

หน้าตา

noun

His countenance improved noticeably, and his family became united.
หน้าตาของเขาดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และครอบครัวเขาก็เริ่มเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน.

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

52 And he said unto the first: Go ye and labor in the field, and in the first hour I will come unto you, and ye shall behold the joy of my countenance.
๕๒ และเขากล่าวแก่คนแรก : เจ้าจงไปทํางานในทุ่ง, และในโมงแรกเราจะมาหาเจ้า, และเจ้าจะเห็นปีติแห่งสีหน้าเรา.
The Lord contrasted His way with our way in His training of the prophet Samuel, who was sent to find a new king: “But the Lord said unto Samuel, Look not on his countenance, or on the height of his stature; because I have refused him: for the Lord seeth not as man seeth; for man looketh on the outward appearance, but the Lord looketh on the heart” (1 Samuel 16:7).
พระเจ้าทรงเปรียบเทียบวิธีของพระองค์กับวิธีของเราในการอบรมศาสดาพยากรณ์ซามูเอล ผู้ถูกส่งไปค้นหากษัตริย์องค์ใหม่ “แต่พระยาเวห์ตรัสกับซามูเอลว่า อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา เพราะเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระยาเวห์ไม่ได้ทอดพระเนตรเหมือนที่มนุษย์ดู เพราะมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระยาเวห์ทอดพระเนตรที่จิตใจ” (1 ซามูเอล 16:7)
30:1-10) When the king asks Nehemiah about the reason for his gloomy countenance, Nehemiah tells him of the condition of Jerusalem and requests permission to return and rebuild the city and its wall.
30:1-10) เมื่อ กษัตริย์ ถาม นะเฮมยา ถึง สาเหตุ ที่ ท่าน มี หน้า ตา หม่น หมอง นะเฮมยา ทูล กษัตริย์ ถึง สภาพ ของ ยะรูซาเลม และ ทูล ขอ อนุญาต กลับ ไป บูรณะ กรุง และ กําแพง.
Later, a king of fierce countenance will stand up “against the Prince of princes.”
ต่อ มา จะ มี กษัตริย์ ที่ ดุ ร้าย ตั้ง ตัว ขึ้น ต่อ สู้ “ผู้ เป็น จอม แห่ง ทวย เทพ.”
13 A joyful heart makes for a cheerful countenance,
13 ความ สุข ใน ใจ ทํา ให้ หน้า ตา สดชื่น
His countenance improved noticeably, and his family became united.
หน้า ตา ของ เขา ดู ดี ขึ้น อย่าง เห็น ได้ ชัด และ ครอบครัว เขา ก็ เริ่ม เป็น น้ํา หนึ่ง ใจ เดียว กัน.
And Cain grew hot with great anger, and his countenance began to fall.”—Genesis 4:3-5.
คายิน ก็ โกรธ แค้น นัก, หน้า ตึง ก้ม อยู่.”—เยเนซิศ 4:3-5.
Earlier, in his vision of Jesus at the divine temple, John had noted that Jesus’ countenance was “as the sun when it shines in its power.”
ก่อน หน้า นั้น ใน นิมิต ที่ โยฮัน เห็น พระ เยซู ใน พระ วิหาร ของ พระเจ้า ท่าน สังเกต ว่า พระ พักตร์ พระ เยซู “ดุจ ดวง อาทิตย์ เมื่อ ส่อง แสง กล้า.”
“Cain grew hot with great anger, and his countenance began to fall,” says the Bible account.
บันทึก ใน คัมภีร์ ไบเบิล กล่าว ว่า “คายิน จึง เดือดดาล มาก และ มี สี หน้า บึ้ง ตึง.”
Yet, even his opposers could see that Stephen was not a wrongdoer but had the serene countenance of an angel, a messenger of God sure of his backing.
กระนั้น พวก ที่ กล่าว ต่อ ต้าน ก็ สามารถ มอง ออก ว่า ซะเตฟาโน ไม่ ใช่ ผู้ ทํา ผิด แต่ มี สี หน้า สงบ เยือกเย็น อย่าง ทูต สวรรค์ ผู้ สื่อ ข่าว ของ พระเจ้า มั่น ใจ ใน เรื่อง การ หนุน หลัง จาก พระองค์.
After pointing to the coming to power of the four kingdoms from Alexander’s empire, the angel Gabriel says: “In the final part of their kingdom, as the transgressors act to a completion, there will stand up a king fierce in countenance and understanding ambiguous sayings.
หลัง จาก ชี้ ว่า สี่ อาณาจักร จะ ขึ้น มา มี อํานาจ จาก จักรวรรดิ ของ อะเล็กซานเดอร์ ทูต สวรรค์ ฆับรีเอล กล่าว ว่า “ใน ช่วง ท้าย แห่ง อาณาจักร ของ พวก เขา เมื่อ ผู้ ละเมิด ทํา การ จน สําเร็จ จะ มี กษัตริย์ องค์ หนึ่ง ซึ่ง มี พระ พักตร์ ดุ ร้าย และ เข้าใจ ถ้อย คํา ที่ กํากวม ทรง ยืน ขึ้น.
Recall the response when God approved Abel’s sacrifice: “Cain grew hot with great anger, and his countenance began to fall.
นึก ย้อน ใน คราว ที่ พระเจ้า ทรง พอ พระทัย ใน การ ถวาย บูชา ของ เฮเบล “คายิน ก็ โกรธ แค้น นัก, หน้า ตึง ก้ม อยู่.
And Cain was very wroth, and his countenance fell.
และคาอินโมโหมาก, และสีหน้าของเขาบึ้งตึง.
(Daniel 7:13, 14) Two years later, Daniel has a vision that involves Medo-Persia, Greece, and an entity that becomes “a king fierce in countenance.” —Daniel 8:23.
(ดานิเอล 7:13, 14) สอง ปี ต่อ มา ดานิเอล ได้ รับ นิมิต เกี่ยว กับ มิโด-เปอร์เซีย, กรีซ, และ ประเทศ หนึ่ง ที่ จะ กลาย เป็น “กษัตริย์ องค์ หนึ่ง ซึ่ง มี พระ พักตร์ ดุ ร้าย.”—ดานิเอล 8:23, ล. ม.
58 And thus they all received the light of the countenance of their lord, every man in his hour, and in his time, and in his season—
๕๘ และดังนั้น คนเหล่านั้นทั้งปวงจึงได้รับความสว่างแห่งสีหน้าของนายพวกเขา, ทุกคนในโมงของเขา, และในเวลาของเขา, และในฤดูกาลของเขา—
I am satisfied that those persons who stamp, clap hands, whistle, and make other noisy and boisterous demonstrations in the theaters, so untimed and uncalled for, have but little sense, and know not the difference between a happy smile of satisfaction to cheer the countenance of a friend, or a contemptuous sneer that brings the curses of man upon man (DBY, 241).
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าผู้ที่กระทืบเท้า ตบมือ ผิวปาก แสดงออกด้วยเสียงอันดังและอึกทึก อื่นๆ ในโรงละครโดยที่ไม่ถูกกาลเทศะและเกินความจําเป็น มีสามัญลํานึกเพียงน้อยนิด และไม่รู้ความแตกต่างระหว่างรอยยิ้มแห่งความสุขอันเถิดจากความพึงพอใจเพื่อให้กําลังใจ เพื่อน กับการเย้ยหยันดูถูกที่นําการลาปแช่งของมนุษย์มาสู่มนุษย์ (DBY, 241)
Sea’s resplendent countenance
ทะเลตระการพราวแพรวพราย
Its countenance, which had up until then been bright and alert, suddenly changes, and the chick starts to act as if it were drunk!
สี หน้า ของ มัน ที่ เคย สดชื่น และ กระตือรือร้น จะ เปลี่ยน ไป ใน ทันที ทันใด และ ลูก นก ก็ เริ่ม มี ท่า ทาง เหมือน กับ มัน เมา เหล้า!
13 Jesus’ bright, shining countenance reminds us that Moses’ face emitted shining rays after Jehovah had communed with him on Mount Sinai.
13 พระ พักตร์ ที่ ฉาย แสง เจิดจ้า ของ พระ เยซู ทํา ให้ เรา ระลึก ถึง ใบ หน้า ของ โมเซ ที่ มี แสง ส่อง ออก มา หลัง จาก พระ ยะโฮวา ทรง สนทนา กับ ท่าน บน ภูเขา ซีนาย.
“The man that had been dead came out with his feet and hands bound with wrappings, and his countenance was bound about with a cloth.
“ผู้ ตาย นั้น จึง ออก มา ทั้ง ผ้า พัน มือ และ เท้า, และ มี ผ้า ปิด หน้า อยู่ ด้วย.
Are you showing by your countenance that you find joy in your ministry?
คุณ แสดง ให้ เห็น ด้วย สี หน้า และ การ กระทํา ของ คุณ ไหม ว่า คุณ มี ความ ชื่นชม ยินดี ใน งาน รับใช้ ที่ คุณ ทํา?
We want to see every countenance full of cheerfulness, and every eye bright with the hope of future happiness (DBY, 236).
เราต้องการเห็นใบหน้าที่แสดงความเบิกบานใจของทุกคน ดวงตาสดใสทุกดวงที่มีความ หวังถึงความสุขในอนาคต (DBY, 236)
“A joyful heart has a good effect on the countenance, but because of the pain of the heart there is a stricken spirit.” —Proverbs 15:13.
“ใจ ที่ ชื่น บาน ทํา ให้ ดวง หน้า สดใส; แต่ ความ เศร้า ใจ ทํา ให้ จิตต์ แตก ร้าว.”—สุภาษิต 15:13.
(Philippians 4:7) This peace of God, reflected in a joyful countenance, can recommend our message to householders that we meet during our preaching work.
(ฟิลิปปอย 4:7, ล. ม.) สันติ สุข แห่ง พระเจ้า นี้ เอง ที่ สะท้อน ออก มา ทาง ใบ หน้า ที่ แช่ม ชื่น อาจ ทํา ให้ เจ้าของ บ้าน ที่ เรา ได้ พบ ปะ ใน ระหว่าง การ ประกาศ ตอบรับ ข่าวสาร ของ เรา.
The turn of your countenance I shall never forget.
การเปลี่ยนไปของสีหน้าคุณนั้น ทําให้ผมไม่เคยลืมเลย

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ countenance ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ countenance

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว